จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ในปี 2020 ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงมีถึง 1.13 พันล้านคนทั่วโลก โดย 2 ใน 5 ไม่ทราบผลการวินิจฉัยสุขภาพของตนเอง ทำให้มีเพียง 1 ใน 10 ของผู้ป่วยที่ได้รับการดูแล โดยมีการคาดการณ์ว่า ในปี 2568 ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงจะเพิ่มขึ้นถึง 15-20% และอาจมีจำนวนสูงถึง 1.5 พันล้านคนทั่วโลก
ความดันโลหิตสูงอันตรายต่อร่างกายอย่างไร?
ความดันโลหิตที่สูงขึ้น มาพร้อมกับอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ปวดศีรษะ หูอื้อ ขอบตาคล้ำ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หายใจถี่และมีอาการเจ็บที่บริเวณหัวใจ
ความดันโลหิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่อาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายในที่สุด และเป็นสาเหตุของภาวะหลอดเลือดสมองและภาวะหัวใจล้มเหลว สัญญาณอันตรายที่แสดงให้เห็นได้ชัดเจน คือ ความดันโลหิตค่าบน(systolic) และความดันโลหิตค่าล่าง (diastolic) ซึ่งบ่งบอกถึงการทำงานของหัวใจว่า มีแรงดัน หรือสูบฉีดเลือดได้มาก หรือน้อยอย่างไร
ค่าความดันโลหิตควรลดเหลือเท่าใด?
ค่าความดันโลหิตมาตรฐานของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป ตามข้อมูลขององค์กรอนามัยโลก (WHO) ระดับค่าความดันโลหิตมาตรฐานคือ 120/80 มม.ปรอท โดยขึ้นอยู่กับอายุและร่างกายของแต่ละบุคคล ซึ่งองค์กรอนามัยโลกได้ระบุไว้ว่า หากมีค่าความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท ควรได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์
เพราะเหตุใดจึงต้องควบคุมการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด?
การควบคุมการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือดจะช่วยป้องกันภาวะร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นและทำให้รักษาได้ทันท่วงที โดยเราแนะนำให้เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ช่วยเสริมการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด และกรอกข้อมูลใน "ไดอารี่สุขภาพ" เล่มนี้ รวมถึงบันทึกการอ่านค่าความดันโลหิตด้วยตัวเอง ซึ่งคุณจะสามารถเรียนรู้การวัดค่าความดันที่ถูกต้องได้ในไดอารี่ฉบับนี้